พลตรีหลวงพิบูลสงคราม ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการ ทหารบก(ในขณะนั้น ) ก็ได้มองเห็นว่าประเทศไทยยังขาดบุคลากรด้านการแพทย์อีกมากมายและ โรงพยาบาลศิริราชแห่งเดียวเป็นโรงเรียนแพทย์นับว่าไม่เพียงพอและไม่ทันต่อความต้องการในการ แก้ไขความทุกข์ยากของประชาชนในด้านความเจ็บป่วย จึงได้วางแผนผลิตแพทย์ชั้นหนึ่งภายใต้ โครงการร่วมกันระหว่างกระทรวงกลาโหมและกระทรวงมหาดไทย(ขณะนั้นกระทรวงสาธารณสุข ยังเป็นกรมขึ้นกับกระทรวงมหาดไทย ) ให้กรมแพทย์ทหารบกจัดตั้ง โรงเรียนเสนารักษ์เพื่อผลิต นายแพทย์ทหาร ไว้ใช้ในการสงคราม เป็นการเตรียมพร้อมกำลังพลในด้านการแพทย์ และความ ประสงค์ในอันดับต่อมาก็คือ การกระจายแพทย์แผนปัจจุบัีนชั้นหนึ่งออกไปสู่ชนบททั่วประเทศ โครงการผลิตแพทย์จากโรงพยาบาลอานันทมหิดลซึ่งนับว่าเป็นโรงเรียนแพทย์แห่งที่สอง จัดเป็น โครงการ ๗ ปี กำหนดรับนักเรียนแพทย์ ๔ รุ่น รุ่นละ ๑๒๐ คน เมื่อสำเร็จตามโครงการ แล้ว จะได้แพทย์รวม ๔๐๐ คน โรงเรียนแพทย์จากแนวคิดของ พลตรี หลวงพิบูลสงคราม ก็ได้เปิด รุ่นแรกเมื่อวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๔๘๓ ภายใต้การขาดสิ่งอำนวยความสะดวกเกือบทุกอย่าง เช่น น้ำใช้ น้ำดื่ม ไฟฟ้า การคมนาคม และความแห้งแล้งแสนสาหัส แต่กระนั้นนาน ๆ รัฐมนตรีว่า การกระทรวงกลาโหมและผู้บัญชาการทหารบก พลตรีหลวงพิบูลสงครามและท่านผู้หญิง จะแวะ มาเยี่ยมถามทุกข์สุขด้วย ยังความปลาบปลื้มให้บรรดาครู อาจารย์ มีกำลังใจในการเผชิญกับ สภาพแวดล้อมที่ไม่สมบูรณ์ได้ต่อไป แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ผลผลิตไม่สามารถดำเนินการได้ตาม โครงการ เพราะการผลิตแพทย์ไม่เหมือนกับการผลิตบุคลากรอื่น ดังนั้นเมื่อจบโครงการจึงสามารถ ผลิตบุคลากรสำเร็จออกมาเป็นแพทย์ได้เพียง ๑๖๗ คน